หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

[Culture] เรยา...หนูไม่ผิด



                
โดย Pimmy Tailandesa


                 สมัยนี้อะไร ๆ ก็เรยา!

                 สาวก (นิยามของคำนี้คือ ผู้ที่ไม่ค่อยยอมรับตนเองว่าติดละครเรื่องดอกส้มสีทอง แต่เมื่อพักโฆษณาทีไร ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ รีบทำธุระส่วนตัว เพราะตอนละครมาจะได้ไม่พลาดช็อตเด็ด) ยังตามล่าหากระเป๋าแบบเรยา ตุ้มหู chanel แบบเรยา, เดรสแบบเรยา, ฯลฯ แบบเรยา มาเสริมบารมี เพราะหวังเล็ก ๆ ด้วยกลีบหัวใจด้านซ้ายมุมลึกทแยงขวาว่า “จะเริ่ดเหมือนเรยา” ทำให้วงการแฟชั่นเมืองไทยคึกคัก ตามตลาดนัดแขวนรูปอารยา เอฮาเก็ต เยอะยิ่งกว่าประดิษฐานกุมารและนางกวักประจำร้าน อะไรที่ว่าเหมือนเรยาล่ะขายหมดเกลี้ยง


                ส่วนตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ย่านสยามหรือพารากอน ก็มีรูปเธอผู้นี้ประกบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ที่ราคาแพงหูฉี่ ประหนึ่งจะบอกว่า จ่ายแพงแต่ไม่พลาด แม้จะเกิดมาหน้าตาเหมือนโคถึก ทว่าหากสวมอาภรณ์แบบเดียวกัน ย่อมสวยเหมือนกันอย่างไม่ต้องสงสัย


                เรยา วงศ์เศวต ไม่ได้แรงแล้วสร้างกระแสให้วงการแฟชั่นเท่านั้น


                ทว่า ความแรงของบทบาทยังไปเตะตากระทรวงวัฒนธรรม จนเกือบโดนแบนอยู่รอมร่อ ด้วยพฤติกรรม “เริงสวาทอันไม่เหมาะสมแก่สังคมไทย” เพราะความห่วงใยหัวใจของผู้เสพย์สื่อ หลายฝ่ายจึงวิพากษ์ความเหมาะสมเพื่อระงับการแพร่ภาพ จากคนไม่เคยดู ยิ่งอยากดูไปกันใหญ่ ว่าละครอะไรแรงจัง ขนาดกระทรวงฯ ต้องมาจับตาเพื่อเขี่ยออกจากจอแก้ว  กลายเป็นกระแสปลุกพรบ. สื่อ ว่าด้วยสิทธิของผู้ชมและการจัดเรทรายการโทรทัศน์ให้คืนชีพ


                คราวนี้ละ ดังไปกันใหญ่ โดยสามารถคาดการณ์คร่าว ๆ ได้ว่า เรทติ้งต้องพุ่งเบา ๆ อย่างแน่นอน เพราะมีทั้งแฟนละครพันธุ์แท้ (ที่เลือกชมด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่) กระทั่งคนที่อาสาเป็นแฟนด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ละครแรงอย่างไรจนเกือบถูกแบน”


                พฤติกรรม ของนางเอกในละคร อย่างเอาตัวเข้าแลกเพื่อผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เงิน สถานะทางสังคม ความสะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต เช่น การหลอกผู้ชายให้เลี้ยงข้าว, การสู้ไม่ถอยเพื่อแย่งผู้ชายจากบรรดาภรรยาประเภทเผ็ดร้อนและเรียบร้อย, รวมถึงการเปลี่ยนคู่นอนด้วยเหตุผลนานาประการ เป็นต้น


                หากพิจารณาอีกมุมนอกจาก “กรี๊ด นังเรยามันเป็นตัวที่หัวมีนอ” ก็จะพบว่า เรยามีพฤติกรรมแบบนั้นเพราะการเติบโตในสังคมปัจจุบัน...............(งงล่ะ สิ อ่านต่อไปนะ)


                ปัจจุบัน ระบบทุนนิยมแพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งหัวใจของของระบบนี้ คือ ‘Choose and shop’ ฉะนั้น การที่ เรยาเปลี่ยนคู่นอนตลอดเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ตนเอง ก็ตรงกับคอนเซปต์ทุนนิยมพื้นฐานว่าด้วย ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่เหมาะที่สุดซึ่งสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง ดัง นั้นการเลือกจะอยู่กับคนที่รวย ๆ มันเป็นการเลือก และการมีเซ็กซ์เปรียบได้กับการซื้อผลิตภัณฑ์มาบริโภค เพื่อสนองตอบวัตถุประสงค์ของผู้ใช้


                ทั้งนี้ ไม่ได้เปรียบเธอเป็นสินค้า แต่เธอเป็นผู้ซื้อ โดยนำร่างกายและหน้าตาสวยสด (ที่ถูกสเป็กหนุ่ม ๆ ทุกคนในเรื่อง) มาเป็นทุนเพื่อแลกเปลี่ยนในตลาด จากนั้นเธอได้สินค้าขึ้นเตียงพร้อมฟังชั่นนานาประการ เช่น เงินยี่สิบล้านจากเด่นจันทร์ ตำแหน่งพนักงานบริการบนเครื่องบิน ซึ่งแลกมาจากการนอนกับ CEO ของสายการบินหนึ่ง บ้านเมืองนอกที่คุณใหญ่ซื้อให้ ล้วนเป็น “ผลประโยชน์” จากการลงทุนด้วยร่างกายของเธอทั้งสิ้น อาจเพราะการโตในระบบทุนนิยม ทำให้เธอเลือกที่จะเอาตัวเข้าแลกเพื่อขยับสถานะทางสังคม....กระมัง?!?


                แอบเถียงในใจหรือเปล่าว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ และอีหนูนี่เลือกที่จะ “เลว” แหม...ไปพูดงี้ใส่ Jean-Jacques Rousseau (ฌอง ชาร์ค รุสโซ) นักปรัชญาผู้โด่งดังชาวสวิสฯ ที่เขียนเรื่อง Social Contract (สัญญาประชาคม) เขาคงโกธรแย่ เพราะท่านว่าไว้ "men are born free but everywhere in chain" (มนุษย์เกิดอย่างอิสระภายใต้เงื่อนไขทางสังคม) ดังนั้น จะให้เรยาอยู่อย่างไร้สถานะทางสังคม (Social Status) คงไม่ได้ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม อย่างที่รุสโซบอกอีกว่า "Man is social animal" ดังนั้นเธอต้องแคร์ และต้องการทำให้ใคร ๆ ยอมรับเป็นธรรมดา


                ข้อสรุปดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ขนาดนักทฤษฎีอย่าง Abraham Maslow (อับราฮัม มาสโลว์) อธิบายใน Hierarchy of Needs Theory (ลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์) ว่า มนุษย์ผลักดันตัวเองด้วยความต้องการ ซึ่งแบ่งเป็นห้าขั้น และขั้นการต้องการความรักและการยอมรับจากคนรอบข้าง (ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร แม้แย่งสามีชาวบ้านเพื่อเอาเงินช็อปกระเป๋าหรู ให้คนอื่นยอมรับในความมั่งมี หรือการเอาตัวเข้าแลกตำแหน่งแอร์โฮสเตส ซึ่งถือเป็นอาชีพที่คนทั่วไปยอมรับก็ตาม) คือ ขั้นที่สาม เรียกว่า Belongingness and Love needs (ความต้องการความรักและการยอมรับ) เพื่อก้าวไปสู่ขั้นต่อไป ซึ่งหากบรรลุหมดทุกขั้น ก็สามารถประกาศก้องทั่วยุทธภพได้ว่า ชีวิตถูกเติมเต็มอย่างไม่เสียชาติเกิดแล้ว...ดังนั้น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เรยาเกิดเป็นคน เพราะถ้าเกิดเป็นหนอนชาเขียวคงไม่อยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อเป็นแอร์ฯ แต่คงอยากเอาตัวเข้าแลกเพื่อใบชามากกว่า ><


                บ้าง ก็ว่า เรยา ผิดปรกติทางจิตชอบล่าคนมีเจ้าของ แต่ดูคำที่เธอใช้เรียกแฟนที่มีอายุมากกว่าส่วนใหญ่ว่า “พ่อ” ทำให้คิดว่า เธออยากเติมเต็มส่วนที่ขาดมากกว่า อย่างที่ Alfred Adler (อัลเฟรด แอทเลอร์) นักจิตวิทยามีชื่อชาวออสเตรีย เคยกล่าว (ประมาณ) ว่า การแสดงออกของพฤติกรรมบางอย่างถูกปฏิบัติเสมือนเป็นความพยายามเพื่อชดเชยความรู้สึกด้อยบางอย่างในวัยเด็ก ในที่นี้คือ “ความไม่มีพ่อ” ทั้ง นี้ พ่อของเธอต้องเป็นทั้งผู้ที่ให้เธอเกาะได้ทั้งทางทรัพย์สิน และการเกาะทางด้านภาวะอารมณ์ กล่าวคือ เป็นที่พึ่งเธอได้ทั้งเรื่องเงินและความรู้สึก ซึ่งผู้ชายที่มีภรรยาแล้วในละคร ตอบโจทย์เธอได้อย่างลงตัว “สุด ๆ เรยเอ๊าะ” แล้วจะว่าฟ้าบ้าได้ไงค่ะท่านผู้ชม


                พอจะเห็นไหมว่า เรยา ไม่ได้เลวแต่เกิด ชั่วจากสันดาน แต่การเติบโตที่นับว่าอยู่ในยุคปากกัด ตีนถีบทำให้เธอต้อง “อัพ” ตัวเอง ให้เป็นที่ยอมรับ หากมองอย่างยุติธรรม เธอมีฝันเหมือนคนส่วนใหญ่ที่อยากมีชีวิตดีกว่าพ่อแม่ของตนเอง ซึ่งเป็นยามและคนรับใช้ เธอจึงใช้ “ทุนต่อทุน” ด้วยการเอาตัวเองซึ่งเป็น 'ทุน' อย่างเดียวที่มี ประกอบเป็นบันไดเพื่อคว้าดาว


                แล้วอย่างงี้จะบอกว่าเธอร่าน บ้า เลว ได้ไงคับพี่น้อง!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น